นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ด้านไฟฟ้าและพลังงานซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีโลก แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับความนิยมเทียบเท่ากับนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่างโทมัส เอดิสันในสมัยที่มีชีวิต แต่ในปัจจุบันความคิดและการประดิษฐ์ของเทสลากลายเป็นรากฐานที่สำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่
ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา
นิโคลา เทสลา เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 1856 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อสมีลจาน ซึ่งขณะนั้นอยู่ในเขตของจักรวรรดิออสเตรีย (ปัจจุบันคือประเทศโครเอเชีย) เทสลาเป็นบุตรของบาทหลวงในศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์และแม่ที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์เครื่องมือใช้งานภายในบ้าน เขาเรียนรู้ที่จะประดิษฐ์และคิดนอกกรอบมาตั้งแต่วัยเด็ก และมีความสามารถที่โดดเด่นในการจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เทสลาได้ศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัยในกรุงปรากและมหาวิทยาลัยเทคนิคในกรุงกราซ ประเทศออสเตรีย แม้ว่าจะไม่ได้รับปริญญาเนื่องจากปัญหาทางการเงิน แต่ความรู้และทักษะของเขานั้นยอดเยี่ยมและทำให้เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักเรียนที่ฉลาดและหลงใหลในเทคโนโลยีไฟฟ้า
การทำงานและการวิจัยในยุโรป
หลังจากเรียนจบ เทสลาเริ่มทำงานในยุโรปในฐานะวิศวกรไฟฟ้าที่บริษัทโทรศัพท์ในกรุงบูดาเปสต์ และต่อมาได้ย้ายไปทำงานที่บริษัทคอนติเนนทัล เอดิสันในกรุงปารีส ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการไฟฟ้าสำหรับเมืองต่าง ๆ ในยุโรป ซึ่งในช่วงนี้เทสลาได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาความคิดเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ซึ่งเป็นระบบที่เขามองว่ามีประสิทธิภาพสูงและดีกว่าระบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่เอดิสันใช้ในเวลานั้น
ย้ายสู่สหรัฐอเมริกาและการประดิษฐ์สำคัญ
ในปี 1884 เทสลาเดินทางมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อทำงานกับโทมัส เอดิสัน ซึ่งขณะนั้นเป็นนักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นเจ้าของบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีไฟฟ้ากระแสตรง แม้ว่าเทสลาจะทำงานได้ดีและคิดค้นวิธีปรับปรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของเอดิสัน แต่ในภายหลังทั้งสองมีความขัดแย้งทางด้านแนวคิดเรื่องกระแสไฟฟ้า เทสลาจึงแยกตัวออกจากเอดิสันและเริ่มต้นทำการวิจัยและพัฒนาระบบไฟฟ้ากระแสสลับของตัวเอง
ในช่วงนี้เทสลาได้ร่วมงานกับจอร์จ เวสติงเฮาส์ (George Westinghouse) ผู้ซึ่งให้การสนับสนุนและช่วยผลักดันให้ระบบไฟฟ้ากระแสสลับของเทสลาได้รับความนิยมจนในที่สุดสามารถเอาชนะระบบไฟฟ้ากระแสตรงของเอดิสันได้ ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นในปี 1893 ที่งานนิทรรศการโลกในเมืองชิคาโก ซึ่งระบบไฟฟ้ากระแสสลับของเทสลาได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกว่า
ผลงานการประดิษฐ์ที่สำคัญ
เทสลาเป็นเจ้าของสิทธิบัตรมากกว่า 300 ฉบับ และมีผลงานที่เป็นนวัตกรรมหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยีในอนาคต เช่น
- ขดลวดเทสลา (Tesla Coil) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดลองไฟฟ้าแรงสูงและสร้างสนามแม่เหล็ก
- ระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้าที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกในปัจจุบัน
- การทดลองการส่งพลังงานแบบไร้สาย โดยเขามีความคิดในการสร้างโลกที่สามารถส่งพลังงานไฟฟ้าได้แบบไร้สายผ่านบรรยากาศ
- วิทยุและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเขามีการทดลองที่สามารถส่งสัญญาณไร้สายได้ก่อนที่มาร์โคนีจะได้รับสิทธิบัตรวิทยุ
ช่วงสุดท้ายของชีวิต
แม้ว่าเทสลาจะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีไฟฟ้า แต่เขามีปัญหาทางการเงินเนื่องจากการใช้จ่ายในการทดลองต่าง ๆ โดยเฉพาะในโครงการที่เกี่ยวกับการส่งพลังงานไร้สายที่สถานีวิทยุวอร์เดนคลิฟฟ์ (Wardenclyffe Tower) บนเกาะลองไอส์แลนด์ ซึ่งล้มเหลวในที่สุดและถูกยึดทรัพย์ เขาใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างเรียบง่ายและอยู่โดดเดี่ยวในโรงแรมแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 มกราคม 1943 ขณะอายุได้ 86 ปี
มรดกและอิทธิพลที่ทิ้งไว้
แม้ว่าจะจากไปโดยไม่มีชื่อเสียงเทียบเท่าบุคคลอื่นในสมัยนั้น แต่มรดกและความคิดของเทสลากลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักประดิษฐ์และนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลัง เทคโนโลยีของเขาถูกนำไปใช้ในระบบพลังงานที่เรายังคงใช้จนถึงปัจจุบัน และการทดลองที่เขาได้ริเริ่มไว้นั้นกลายเป็นพื้นฐานของนวัตกรรมทางไฟฟ้าในศตวรรษที่ 20 และ 21
ในปัจจุบัน ชื่อของ นิโคลา เทสลา ได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นทางวิทยาศาสตร์ โดยบริษัท Tesla Motors ได้นำชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อแบรนด์เพื่อเป็นเกียรติแก่เขาและเป็นการยกย่องความสำคัญของเทสลาในการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า